"We use cookies to make your experience better". "To offer a better browsing experience, the website uses technical, analytical, profiling and third party cookies. By selecting "Accept" you consent to the use of all cookies. If you would like to know more or opt out of all or some cookies select "Manage Cookies". Learn more
Rolex 6 รุ่น เปิดตัวใหม่ฉ่ำ ๆ ต้อนรับปี 2024
Rolex 6 รุ่น เปิดตัวใหม่ฉ่ำ ๆ ต้อนรับปี 2024 Rolex นำเสนอความกลมกลืนอันเป็นเอกลักษณ์ของวัสดุ สีสัน และพื้นผิว แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาของแบรนด์ ที่จะปลุกอารมณ์ความรู้สึกของการผลิตนาฬิกาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่แน่วแน่จนถึงรายละเอียดที่เล็กที่สุด ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิกาอันสืบทอดมาอย่างยาวนาน ความสมดุลที่ลงตัวระหว่างฟังก์ชันการทำงานและสุนทรียศาสตร์ ประสิทธิภาพและความล้ำค่า ประเพณีและนวัตกรรม กับ 6 รุ่นเปิดตัวใหม่
GMT-Master II 40 mm.
พร้อมกับหน้าปัดสีดำและขอบหน้าปัด Cerachrom จากเซรามิกสีเทาและสีดำ นอกจากเข็มแสดงชั่วโมง นาที และวินาทีแบบนาฬิกาทั่วไปแล้ว GMT-Master II ยังมีเข็มนาฬิกาปลายลูกศรที่หมุนเป็นวงกลมรอบหน้าปัดทุก 24 ชั่วโมง พร้อมขอบหน้าปัดแสดงเวลา 24 ชั่วโมงที่หมุนได้สองทิศทาง ระบบกันน้ำ Triplock สามชั้นแบบยึดด้วยสกรู แซฟไฟร์ป้องกันรอยขีดข่วน ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 3285 ระบบไขลานอัตโนมัติ สำรองพลังงานได้ประมาณ 70 ชั่วโมง
เข็มแสดงเวลา 24 ชั่วโมงที่มีสีที่โดดเด่นจะแสดงเวลาอ้างอิงที่เป็น “ถิ่นพำนัก” ในเขตเวลาที่หนึ่ง ซึ่งอ่านได้จากขีดแบ่งบนขอบตัวเรือน ส่วนเวลาท้องถิ่นของนักเดินทางสามารถปรับตั้งได้อย่างง่ายดายโดยการตั้งแบบ "กระโดดข้าม" ทีละชั่วโมง และเนื่องจากนาฬิกามีกลไกที่ทำงานผ่านเม็ดมะยมไขลาน จึงทำให้เข็มชั่วโมงสามารถปรับเดินหน้าหรือถอยหลังได้โดยไม่ส่งผลต่อเข็มนาทีและเข็มวินาที จึงช่วยให้นักเดินทางสามารถปรับตั้งเวลาเข้ากับเขตเวลาใหม่ได้โดยไม่กระทบต่อความเที่ยงตรงของนาฬิกา
หน้าปัดเคลือบเงาสีดำ พร้อมสลักคำว่า ‘GMT-Master II’ สีเขียวไว้ สีนี้ยังใช้กับเข็มแสดงเวลา 24 ชั่วโมงด้วย เฉกเช่นนาฬิกา Rolex สำหรับมืออาชีพทุกเรือน GMT-Master II มาพร้อมหน้าปัดโครมาไลท์ที่ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถอ่านเวลาได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะในที่มืด
ตัวเรือนสตีล Oystersteel ที่แบรนด์พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษอยู่ในตระกูลสตีล 904L มีความทนทานอย่างยิ่ง มอบความเงางามเป็นพิเศษหลังการขัด และยังคงความงามแม้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุด สายนาฬิกา Oyster ประกอบด้วย Oysterlock ชุดตัวล็อกแบบพับได้ที่ป้องกันการเลื่อนเปิดออกโดยไม่ตั้งใจ และระบบขยายความยาวสาย Easylink ที่มีพิเศษเฉพาะของ Rolex ระบบอันชาญฉลาดนี้ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถปรับขยายความยาวของสายนาฬิกาได้อีกประมาณ 5 มม. สามารถกันน้ำได้ 100 เมตร (330 ฟุต)
ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 406,200 บาท
Day-Date 40 , 40 mm.
หน้าปัดขนาด 40 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยขอบหน้าปัดแบบร่องของ Rolex เป็นสัญลักษณ์ของความแตกต่าง แต่เดิมร่องของขอบหน้าปัด Oyster มีขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ด้านการใช้งาน โดยทำหน้าที่ยึดขอบหน้าปัดลงบนตัวเรือนเพื่อประกันประสิทธิภาพในการกันน้ำของนาฬิกา ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 3255 สำรองพลังงานได้ประมาณ 70 ชั่วโมง
ดังนั้น จึงเหมือนกับร่องบริเวณตัวเรือนด้านหลัง ซึ่งต้องใช้เครื่องมือพิเศษเฉพาะของ Rolex ในการสกรูลงบนตัวเรือนเพื่อการกันน้ำ แต่เมื่อเวลาผ่านไปการเซาะร่องได้กลายเป็นองค์ประกอบที่มีความงดงาม และเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Rolex อย่างแท้จริง ปัจจุบันขอบหน้าปัดแบบร่องเป็นสัญลักษณ์ของความแตกต่าง Day-Date 40 เรือนนี้ทำจากทองคำ
ที่รังสรรค์ขึ้นจาก Everose gold 18 กะรัต มาพร้อมหน้าปัดสีเทาอมน้ำเงินออมเบร ซึ่งเป็นเฉดสีใหม่สำหรับหน้าปัดนี้ เปิดตัวครั้งแรกในปี 2005 เอเวอโรส 18 กะรัตได้รับการนำมาใช้กับนาฬิกา Rolex ทุกรุ่นในสีพิงค์โกลด์ โดยดีไซน์นี้ได้เผยให้เห็นการผันเปลี่ยนอันละเอียดอ่อนจากสีสว่างตรงกลางหน้าปัดไปสู่สีดำมืดตรงขอบ นอกจากนี้ ยังนับเป็นครั้งแรกที่มีเลขโรมันแบบแยกส่วนทรงเหลี่ยมมุม และเครื่องหมายบอกชั่วโมงแบบเหลี่ยมมุมจากพิงค์โกลด์ 18 กะรัตบนหน้าปัดแบบออมเบรเรือนนี้
เม็ดมะยมไขลาน ระบบกันน้ำ TwinLock สองชั้นแบบยึดด้วยสกรู กระจกเลนส์หน้าปัด Cyclops ทำจากแซฟไฟร์ป้องกันรอยขีดข่วนครอบอยู่เหนือวันที่ สามารถกันน้ำได้ 100 เมตร (330 ฟุต)
ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,784,800 บาท
1908 , 39 mm.
หน้าปัดขนาด 39 มิลลิเมตร ไอซ์บลูตกแต่งลวดลายกิโยเช่ลายเม็ดข้าว ดีไซน์แบบโรเซตต์นี้โดดเด่นด้วยรูปทรงเรขาคณิตสามมิติที่ซ้ำซ้อนกันและขยายไปทั่วพื้นผิวของหน้าปัดโดยเริ่มจากส่วนแสดงวินาทีขนาดเล็กในตำแหน่ง 6 นาฬิกา พร้อมทั้งขีดบอกนาทีรอบวงหน้าปัดยังตกแต่งด้วยขอบลายกิโยเช่อันประณีตในทุกรายละเอียด ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 7140
หน้าปัดสุดพิเศษนี้มีตัวเลขอารบิก 3, 9 และ 12 เครื่องหมายบอกชั่วโมงแบบเหลี่ยมมุม และเข็มนาฬิกา ที่ล้วนแต่เป็นแบบเดียวกับนาฬิการุ่นทองคำ 18 กะรัต หน้าปัดสีพิเศษนี้สามารถพบได้เฉพาะในนาฬิกา Day-Date นาฬิกา Cosmograph Daytona และนาฬิกา Perpetual 1908
แพลทินัมเป็นโลหะล้ำค่าและหายาก โดดเด่นสะดุดตาด้วยสีเงินที่สว่างบริสุทธิ์และเปล่งประกาย หนึ่งในโลหะที่หนาแน่นที่สุดและหนักที่สุดในโลก แยกความแตกต่างได้จากคุณสมบัติเฉพาะทางด้านเคมีและกายภาพ เช่น การทนทานต่อการกัดกร่อนที่มากเป็นพิเศษ
นาฬิกา 1908 รุ่นนี้มาพร้อมกับสายหนังจระเข้ สายหนังอันงามสง่าที่โดดเด่นด้วยการบุซับในสีเขียวที่ทำจากหนังลูกวัว และเย็บแบบไล่สี มาพร้อมชุดตัวล็อกแบบคู่ ซึ่งเป็นตัวล็อกแบบบานพับคู่จากแพลทินัม โดยได้รับการออกแบบมาอย่างดี เพื่อให้ชุดตัวล็อกแบบคู่อยู่ตรงกลางข้อมือเสมอ พลังงานสำรองประมาณ 66 ชั่วโมง สามารถกันน้ำได้ 50 เมตร (165 ฟุต)
ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,152,100 บาท
Rolex Deepsea , 44 mm.
Rolex Deepsea ช่วยให้นักดำน้ำสามารถควบคุมเวลาดำน้ำและเวลาขณะคายแรงดันได้อย่างเที่ยงตรงและปลอดภัย เครื่องหมายทรงสามเหลี่ยมที่มาร์คเกอร์ “ศูนย์” ยังสามารถมองเห็นได้ในความมืด แหวนอัด หน้าปัด และขอบหน้าปัด Cerachrom ตกแต่งด้วยสีน้ำเงินทำจากเซรามิก หลากหลายเฉดที่บรรจงเลือกสรรให้เข้ากันกับโทนสีของผืนมหาสมุทรและขับความโดดเด่นให้ยิ่งฉายชัดด้วยตัวเรือนและสายนาฬิกา Oyster ที่ทำจากทองคำ 18 กะรัต
หน้าปัด ขนาด 40 มิลลิเมตร เคลือบเงาสีน้ำเงินพร้อมด้วยชื่อ 'DEEPSEA' แต่งด้วยผงสีเหลือง หน้าปัดโดดเด่นด้วยเครื่องหมายบอกชั่วโมงและเข็มนาฬิกาแบบโครมาไลท์ ที่เต็มไปด้วยสารเรืองแสงที่ปล่อยแสงสีฟ้าติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้สามารถอ่านเวลาในความมืดได้นานขึ้นกว่าเดิม
สายนาฬิกา Oyster ประกอบด้วยชุดตัวล็อก Oysterlock เพื่อป้องกันสายนาฬิกาเลื่อนเปิดออกโดยไม่ตั้งใจ และระบบ Glidelock อันชาญฉลาดเพื่อการปรับความยาวของสายนาฬิกาได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือใดช่วย พร้อมเพิ่มความรู้สึกสบายให้แก่นักดำน้ำขณะสวมใส่ชุดดำน้ำ
กระจก แซฟไฟร์ป้องกันรอยขีดข่วน หนา 5.5 มม. ทรงโดม ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 3235 สามารถสำรองพลังงานได้ประมาณ 70 ชั่วโมง กันน้ำลึกได้จนถึงระดับ 3,900 เมตร / 12,800 ฟุต, วาล์วคายฮีเลียม
ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,980,000 บาท
Cosmograph Daytona , 40 mm.
Cosmograph Daytona ในเวอร์ชันทองคำ 18 กะรัต มาพร้อมขอบตัวเรือน Cerachrom และสาย Oysterflex นวัตกรรมนี้ได้รับการพัฒนาและจดสิทธิบัตรโดย Rolex มันผสมผสานความทนทานของสายนาฬิกาโลหะและความสบายของสายอีลาสโตเมอร์ได้อย่างน่าทึ่ง
ตัวเรือน Oyster ขนาด 40 มิลลิเมตร มาพร้อมขอบตัวเรือนที่ประดับด้วยเพชรทรงสี่เหลี่ยมคางหมู 36 เม็ด ทองคำขาวและเพชร เม็ดมะยมไขลาน ระบบกันน้ำ Triplock สามชั้นแบบยึดด้วยสกรู คริสตัล แซฟไฟร์ป้องกันรอยขีดข่วน ขับเคลื่อนด้วยกลไก calibre 4131
โดดเด่นด้วยหน้าปัดสตีล ประดับเพชร ที่มากับหน้าปัดย่อยลายก้นหอย มาร์คเกอร์ชั่วโมงที่ใช้ตกแต่งและเข็มนาฬิกาจากทองคำ 18 กะรัต พร้อมหน้าปัดโครมาไลท์ ซึ่งเป็นสารเรืองแสงที่ช่วยให้การอ่านเวลาเป็นไปอย่างสะดวกง่ายดาย สำรองเวลาได้ประมาณ 72 ชั่วโมง กันน้ำได้ 100 เมตร (330 ฟุต)
ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 4,350,600 บาท
Sky-Dweller , 42 mm.
ตัวเรือนรุ่น Oyster ขนาด 42 มิลลิเมตร เอเวอร์โรสโกลด์ ตัวเรือนตรงกลาง Monobloc, ด้านหลังตัวเรือนและเม็ดมะยมที่ยึดด้วยสกรู คริสตัล เลนส์ Cyclops ทำจากแซฟไฟร์ป้องกันรอยขีดข่วนครอบอยู่เหนือวันที่ มาพร้อมกับกลไก Calibre 9002 การไขลานอัตโนมัติสองทิศทางด้วยโรเตอร์ Perpetual
ขอบหน้าปัดบนนาฬิการุ่น Sky-Dweller ประกอบด้วยระบบ Ring Command คือการทำงานร่วมกันระหว่างขอบหน้าปัดแบบหมุนได้ เม็ดมะยมไขลาน และกลไกการทำงานของนาฬิกาที่ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถเลือกและตั้งค่าแต่ละฟังก์ชันของเรือนเวลาได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และแม่นยำ มักทำจากทองคำหรือแพลทินัม
สี่เหลี่ยมสีแดงเข้มบริเวณ 1 ใน 12 ช่องรอบหน้าปัดแสดงเดือนปัจจุบัน และโดดเด่นด้วยคุณลักษณะพิเศษของปฏิทินรายปี Saros กลไกอันชาญฉลาดนี้ทำให้ผู้สวมใส่ใช้ชีวิตได้อย่างเรียบง่ายโดยไม่จำเป็นต้องนึกถึงเรื่องการตั้งวันที่เมื่อสิ้นสุดเดือนที่มี 30 วัน และปฏิทินรายปีจะแสดงวันที่ได้อย่างถูกต้องตลอดทั้งปี โดยต้องปรับเพียงครั้งเดียวเท่านั้น คือวันที่ 1 มีนาคม (เนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์มีเพียง 28 หรือ 29 วัน) วันที่จะเชื่อมโยงกับเวลาท้องถิ่นและเปลี่ยนอัตโนมัติตามเขตเวลาท้องถิ่นของนักเดินทาง
สายนาฬิกาโลหะแบบข้อต่อห้าชิ้นที่มีความยืดหยุ่นและสวมใส่สบายนี้ผ่านการออกแบบเป็นพิเศษสำหรับการเปิดตัว Oyster Perpetual Datejust ในปี 1945
สายนาฬิกา Jubilee ของนาฬิกาในรุ่นเหล่านี้ยังมาพร้อม Oysterclasp แบบพับได้ และระบบขยายความยาวสาย Easylink ที่พัฒนาโดย Rolex ซึ่งช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถปรับเพิ่มความยาวของสายประมาณ 5 มม. ได้อย่างง่ายดาย พลังงานสำรอง ประมาณ 72 ชั่วโมง กันน้ำได้จนถึงระดับ 100 เมตร (330 ฟุต)
ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,972,200 บาท
โดยนาฬิการุ่นใหม่ทั้ง 6 รุ่นดังกล่าว เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในงาน Watch and Wonders งานอีเวนต์ที่สำคัญที่สุด ในอุตสาหกรรมแวดวงนาฬิกา ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอแลนด์ โดยในปีนี้ ทางแบรนด์ได้นำเสนอนาฬิการะดับไอคอนของแบรนด์ ภายใต้รูปลักษณ์ใหม่ ผ่านการผสมผสานวัสดุ สีสันและพื้นผิว ด้วยวัสดุเปี่ยมไปด้วยคุณภาพและมูลค่า ซึ่งทาง Rolex ได้ทำงานอย่างหนัก เพื่อผลงานล้ำค่า ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ ช่วยเปลี่ยนให้เจนีวา เป็นเมืองหลวงของโลกนาฬิกาอย่างไม่ต้องสงสัย
บนแพลตฟอร์มของ SF Brandname การการันตีความเป็นของแท้ 100% เป็นเรื่องสำคัญ พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญ ที่จะให้คำแนะนำของคุณ ตลอดการซื้อขาย รวมถึงบริการเกี่ยวกับสินค้าแบรนด์เนมครบวงจร หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดกับเราได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้
Facebook : sfbrandname
IG : sfbrandname
Line : @sfbrandnamebkk